
![]() |
สาระน่ารู้ กล้องตรวจส่องชิ้นงาน Micro Scope MICROSCOPE กล้องจุลทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ Microscope ที่บริษัทของเราจำหน่ายและนำเข้าจากต่างประเทศกล้องจุลทรรศน์ เป็นคำศัพท์ที่แปลจาก "microscope" ในภาษาอังกฤษ ผูกศัพท์จากภาษากรีก "ไมครอน" (micron) หมายถึง ขนาดเล็ก และ "สกอปอส" (scopos) หมายถึง เป้าหมาย หรือ มุมมอง ประวัติกล้องจุลทรรศน์ไมโครสโคปในการดูสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เดิมใช้เพียงแว่นขยายและเลนส์อันเดียวส่องดู คงเช่นเดียวกับการใช้แว่นขยายส่องดูลายมือ ในระยะต่อมา กาลิเลอิ กาลิเลโอ ได้สร้างแว่นขยายส่งอดูสิ่งมีชีวิตเล็กๆในราวปี พ.ศ. 2153 นับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน กล้องจุลทรรศน์Microscope ได้มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนกลายไปเป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอน กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
คำถาม : กล้องจุลทรรศน์มีกี่แบบ? ตอบ : - Light microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่พบอยู่ทั่วไป โดยเวลาส่องดูจะเห็นพื้นหลังเป็นสีขาว และจะเห็นเชื้อจุลินทรีย์มีสีเข้มกว่า - Dark field microscoe เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่มีพื้นหลังเป็นสีดำ เห็นเชื้อจุลินทรีย์สว่าง เหมาะสำหรับใช้ส่องจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็ก ที่ติดสียาก - Phase contrast microscope ใช้สำหรับส่องเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังไม่ได้ทำการย้อมสี จะเห็นชัดเจนกว่า Light microscope - Fluorescence microscope ใช้แหล่งกำเนิดแสงเป็น อัลตราไวโอเลต ส่องดูจุลินทรีย์ที่ย้อมด้วยสารเรืองแสง ซึ่งเมื่อกระทบกับแสง UV จะเปลี่ยนเป็นแสงช่วงที่มองเห็นได้ แล้วแต่ชนิดของสารที่ใช้ พื้นหลังมักมีสีดำ
คำถาม : ส่วนประกอบพื้นฐานของกล้องจุลทรรศน์ทั่วไปมีอะไรบ้าง ตอบ : ส่วนประกอบพื้นฐานของกล้องจุลทรรศน์ทั่วไป
ลักษณะของกล้องจุลทรรศน์แบบต่างๆ ฐาน (Base) เป็นส่วนที่ใช้วางบนโต๊ะ แขน (Arm) เป็นส่วนเชื่อมตัวลำกล้องกับฐาน ลำกล้อง (Body tube) เป็นส่วนที่ปลายด้านบนมีเลนส์ตา ส่วนปลายด้านล่างติดกับเลนส์วัตถุ ซึ่งติดกับแผ่นหมุนได้ เพื่อเปลี่ยนเลนส์ขนาดต่างๆ ปุ่มปรับภาพหยาบ (Coarse adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพโดยเปลี่ยนระยะโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ (เลื่อนลำกล้องหรือแท่นวางวัตถุขึ้นลง) เพื่อทำให้เห็นภาพชัดเจน ปุ่มปรับภาพละเอียด (Fine adjustment) ทำหน้าที่ปรับภาพ ทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เลนส์ใกล้วัตถุ (Objective lens) เป็นเลนส์ที่อยู่ใกล้กับแผ่นสไลด์ หรือวัตถุ ปกติติดกับแป้นวงกลมซึ่งมีประมาณ 3-4 อัน แต่ละอันมีกำลังบอกเอาไว้ เช่น x3.2, x4, x10, x40 และ x100 เป็นต้น ภาพที่เกิดจากเลนส์ใกล้วัตถุเป็นภาพจริงหัวกลับ เลนส์ใกล้ตา (Eye piece) เป็นเลนส์ที่อยู่บนสุดของลำกล้อง โดยทั่งไปมีกำลังขยาย 10x หรือ 15x ทำหน้าที่ขยายภาพที่ได้จากเลนส์ใกล้วัตถุให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดภาพที่ตาผู้ศึกษาสามารถมองเห็นได้ โดยภาพที่ได้เป็นภาพเสมือนหัวกลับ เลนส์รวมแสง (Condenser) ทำหน้าที่รวมแสงให้เข้มขึ้นเพื่อส่งไปยังวัตถุที่ต้องการศึกษา กระจกเงา (Mirror) ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟภายในห้องให้ส่องผ่านวัตถุโดยทั่วไปกระจกเงามี 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นกระจกเงาเว้า อีกด้านเป็นกระจกเงาระนาบ สำหรับกล้องรุ่นใหม่จะใช้หลอดไฟเป็นแหล่งกำเนิดแสง ซึ่งสะดวกและชัดเจนกว่า ไดอะแฟรม (Diaphragm) อยู่ใต้เลนส์รวมแสงทำหน้าที่ปรับปริมาณแสงให้เข้าสู่เลนส์ในปริมาณที่ต้องการ แท่นวางวัตถุ (Speciment stage) เป็นแท่นใช้วางแผ่นสไลด์ที่ต้องการศึกษา ที่หนีบสไลด์ (Stage clip) ใช้หนีบสไลด์ให้ติดอยู่กับแท่นวางวัตถุ ในกล้องรุ่นใหม่จะมี Mechanical stage แทนเพื่อควบคุมการเลื่อนสไลด์ให้สะดวกขึ้น
CCD และ CMOS แตกต่างกันอย่างไร? ซึ่งมีหน้าที่รับแสงที่เข้ามาแล้วเปลี่ยนค่าแสงนั้นๆเป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันก็คงมี Sensor รับภาพอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ CCD (ซีซีดี) และ CMOS (ซีมอส) เป็นหัวใจสำคัญ
CCD ย่อมาจาก Charge Coupled Device เป็น Sensor ที่ทำงานโดยส่วนที่เป็น Sensor แต่ละพิกเซล จะทำหน้าที่รับแสงและเปลี่ยนค่าแสงเป็นสัญญาณอนาล็อก CMOS (Complementary Metal Oxide Semiconductor ) สําหรับ CMOS ยอมาจาก Complementary Metal Oxide Semiconductor เป็นเซ็นเซอร์แสงที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีสารกึ่งตัวนํา ภายในชิปจะมีเซ็นเซอร์ เล็กๆจัดเรียงกันอยู่เป็นจํานวนมาก ซึ่งภายในเซ็นเซอร์นั้นจะมีสวนที่หน้าที่รับแสง และส่วนที่ทําหน้าที่เป็น converter แปลงสัญญาณแสงเป็น สัญญาณดิจิตอลอยูใน เซ็นเซอร์ตัวเดียวกันทําให้สัญญาณที่ออกจาก
แล้วเปลี่ยนค่าแสงนั้น ซึ่งเป็นสัญญาณแบบอนาล็อก ไปเป็นสัญญาณแบบดิจิตอล วงจรเซ็นเซอร์ CMOS สรุปข้อแตกต่างระหว่าง CCDและCMOS เจ้า CMOS เนี่ยจะมีวงจรแปลงสัญญาณของแสงในแต่ละพิกเซล ส่วนเจ้า CCD จะเป็นตัวรับแสงเพียงอย่างเดียว และค่าที่ส่งออกมาจะได้ออกมาให้วงจรที่มีหน้าที่แปลงสัญญาณอีกที Len Microscope ความรู้ทั่วไปของเลนส์กล้องจุลทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ Video Microscope เป็นกล้องไมโครสโคปที่สามารถปรับซูมกำลังขยายได้อย่างต่อเนื่อง และยังมี อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ใช้ประกอบเพื่อเพิ่มความสามารถกำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์ หรืออาจจะลดช่วงกำลังขยายได้อีก Len Microscope เลนส์ที่ใช้กันในปัจจุบันกำลังขยายจะอยู่ที่ 20 จนไปถึง 135x กำลังขยาย Stand ของ Video Zoom Microscope ยังสามารถเพิ่มมุมมองในการดูชิ้นงานในมุมต่างๆได้โดยการเพิ่มอุปกรณ์เพียงบางชิ้นเท่านั้น Len สำหรับ High Magnification upper 1,000x ซึ่งเราสามารถใช้เลนส์ของกล้อง Compound Microscope ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ของกล้องจุลทรรศน์จุลชีวะ Biological Microscope หรือกล้องดูโลหะ Metallurgical Microscope ก็ได้ ทำให้สามารถใช้เลนส์ประเภทนี้ซูมกำลังขยายต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกล้อง Compound ไม่สามารถทำได้ Stereo Microscope กล้องจุลทรรศน์ ชนิด สเตอริโอ ไมโครสโคป สเตอริโอไมโครสโคป Stereo Microscopes กล้องสเตอริโอไมโครสโคป เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายส่วนมากจะใช้ด้านอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่จีเวลลี่ และการตรวจสอบชิ้นงานทั่วๆไป กล้อง stereo microscope มีทั้งแบบปรับซูมได้ แบบปรับสองกำลังขยาย หรือแบบฟิกกำลังขยาย โดยทั่วไปแล้วกล้องจุลทรรศน?ชนิดนี้ จะเป็นกล้อง Low Magnification หรือกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายไม่สูงมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Stereo Microscope นั้น จะมีกำลังขยายไม่เกิน 100 แต่ว่ามันสามารถปรับ Zoom เพื่อขยายได้ แต่ยังสามารถต่อเข้ากับกล้อง CCD Camera ได้อีกด้วย - Dual Zoom จะเป็นการปรับหมุนที่ Objective Len เพื่อเปลี่ยนค่ากำลังขยาย แต่มันสามารถปรับกำลังขายได้เพียงแค่ 2 ค่าเท่านั้น - Zoom Stereo Microscope สามารถปรับกำลังขยายได้โดยจะออกมาเป็นสเกล 0.7 x - 4.5 x ทั้งนี้มันสามารถปรับกำลังขยายได้ต่อเนื่องตามในช่วง 7x - 45x เท่านั้น Biological Microscope กล้องจุลทรรศน์ทางชีววิทยา กล้องจุลทรรศน์ทางชีวิทยา เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ปฏิบัติการภายในห้องทดลอง (Laboratory) เป็นส่วนใหญ่ มักจะใช้เพื่อส่องโครงสร้างของเซลล์ ไว้สำหรับงานวิจัยระบบโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก กล้องจุลทรรศน์ชนิดนี้จึงมีกำลังขยายที่สูง สามารถดูค่าความละเอียดได้ถึง 1000 เท่า เลยทีเดียว และ Biological Microscope ยังสามารถต่อเข้ากับจอ Monitor หรือ Computer ได้อีกด้วย ส่วนงานที่ใช้ของกล้องจุลทรรศน์ตัวนี้จะนิยมใช้กันในสถานศึกษา คลีนิก โรงพยาบาล งานวิจัย และภายในห้องแล็ปมหาวทิยาลัยต่างๆ กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบจุลภาคโลหะ Metallurgical Microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้สำหรับงานโลหะวิทยา ง่ายๆก็คือเป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นแหละ เพียงแต่ใช้ไว้สำหรับวิเคราะห์เพื่อดูพื้นผิวของชิ้นงานชนิดที่เป็นโลหะ เพื่อนำมาวิเคราะห์โครงสร้างชิ้นงานโลหะ หรือโลหะผสม การใช้กล้องจุลทรรศน์ Metallurgical Microscope สามารถตรวจสอบศึกษาวุตถอื่นๆได้โดยมีคุณสมบัติทางกายภาพ และเจ้ากล้องจุลทรรศน์ตัวนี้ สามารถจำแนกส่วนประกอบของชิ้นงานและส่วนผสมพื้นผิวโครงสร้างโลหะ ดังนั้น กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบจุลภาคโลหะ Metallurgical Microscope ตัวนี้ จึงนิยมใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตชิ้นงานโลหะ หรือวัสดุอื่นๆได้ เพื่อตรวจสอบคุณภาพของโลหะว่าได้มาตราฐานหรือไม่ กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบจุลภาคโลหะ Metallurgical Microscope ชนิดนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ - Upright Metallurgical Microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่สามารถมองวัตถุจากด้านบน แล้วปรับเลื่อนชิ้นงาน
- Invert Metallurgical Microscope เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ต้องใช้การขัดเนื้อโลหะจนไปถึงชิ้นเหล็ก ส่วนใหญ่มักจะใช้กับวัตถุชิ้นงานโลหะขนาดใหญ่และไม่สามารถดูโครงสร้างแบบ Upright ได้ แต่เจ้าตัวนี้ จะใช้การส่องจากด้านใต้แทน นั้นเอง
หากท่านสนใจสินค้า คลิ๊กที่นี่ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |